ต้องเสียเงินเป็นร้อยล้านเพื่อสู้คดีถูกยัดยาเสพติด

จากคนมีฐานะร่ำรวยเป็นเศรษฐี กลับต้องเสียเงินเป็นร้อยล้านเพื่อสู้คดีถูกยัดยาเสพติด 5 ปีจึงพ้นผิดได้

             ชายชราวัย 67 ปี  ชื่อว่านายสุวิชา  หนูสิงห์ ได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจของจังหวัดอำนาจเจริญเพื่อทำการฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนทั้งสิ้น 32 คนในข้อหาช่วยกันทำคดีโดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายแก่นายสุวิชาซึ่งเรื่องราวครั้งนี้นายสุวิชาได้กล่าวย้อนหลังไปตั้งแต่เมื่อสมัยปีพศ 2533

ว่าในสมัยนั้นตนเองได้มีการแต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่งทั้งๆที่ยังรู้จักกันได้ไม่นานเพราะถูกครอบครัวบังคับให้แต่งงานหลังจากนั้นอยู่กินกันได้เพียงแค่ 3 ปีพวกเขาก็มีลูกด้วยกันถึง 3 คนซึ่งมาปีพศ 2555 นายสุวิชาจับได้ว่าภรรยาของเขานอกใจไปคบชู้

หลังจากนั้นจึงได้ทำการฟ้องหย่าภรรยาของตนเองและตั้งแต่เริ่มที่ติดต่อทนายความเพื่อทำเรื่องฟ้องหย่าภรรยาเป็นต้นมาเขากลับพบว่าตนเองนั้นถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยัดเยียด ข้อกล่าวหาว่าเขามีการค้ายาเสพติดซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ต้องต่อสู้คดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเนื่องจากว่าตนเองนั้นมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง

แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 32 คนยืนยันว่าตรวจค้นรถยนต์ของเขาแล้วค้นพบยาบ้าเป็นจำนวน 82 เมตรปลูกต้นไว้ตรงท่อไอเสียของรถยนต์ซึ่งนายสุวิชายืนยันว่าตนเองนั้นไม่เคยค้ายาเสพติดแต่อย่างใดเดินเองนั้นมีฐานะร่ำรวยอยู่แล้วตากมรดกของพ่อแม่และหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ก็พานายสุวิชาไปทำการตรวจสอบหาสารเสพติดในร่างกาย

ซึ่งก็ไม่พบนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเป็นระยะเวลา 5 ปีนายสุวิชาได้ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมให้กับตนเองโดยมีการใช้เงินทั้งหมดเป็นจำนวนถึง 100 ล้านบาทในการคืนความยุติธรรมให้กับตนเองซึ่งในที่สุดเขาก็สามารถชนะคดีไม่ว่าจะเป็นทั้งศาลชั้นต้นหรือว่าศาลอาญาก็ตามเนื่องจากว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าจับกุมเขานั้น

ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าตัวเขาเองนั้นเป็นคนขายยาจริงและอีกทั้งยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาได้จากว่าไม่พบสารเสพติดในร่างกายของเขาเลย ซึ่งนาย สุวิชาบอกว่าสาเหตุที่ศาลยกฟ้องของเขาทั้งสามสาวเลยนะเนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มที่จับกุมเขานั้นไม่มีพยานหลักฐานที่หนาแน่นพอที่จะทำให้มีความเชื่อได้ว่าตัวนายสุวิชามีการค้ายาเสพติดยิง

ซึ่งตัวในวิชาเองคาดการณ์ว่าเขาถูกดำเนินคดีเนื่องจากว่าอดีตภรรยาของเขาที่เขากำลังมีการยื่นฟ้องหย่าอยู่นั้นต้องกลั่นแกล้งเขาแน่นอนเพราะเขาไม่ได้มีปัญหาด้านธุรกิจกับใครเลยหรือไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวกับใครเลยนอกจากกำลังมีปัญหากับภรรยาของเขาในเรื่องของการฟ้องหย่ากันอย่างเดียวเท่านั้น

โดยนายสุวิชายังกล่าวอีกว่าในตอนนั้นที่เขาถูกจับกุมและอยู่ระหว่างการสู้คดียังไม่ได้รับการประกันตัวศาลได้มีการอนุมัติให้ภรรยาของเขานำทรัพย์สินส่วนตัวของเขาไปใช้หมดซึ่งยังเหลืออยู่เพียงแค่ร้านทองไว้ให้เขาเติมเงินแค่ 2 คูหาเท่านั้น

ทำให้ในตอนนี้จากที่เขากลายเป็นเศรษฐีพันล้านเขาจึงเหลือแต่ตัวมีเพียงเงินช่วยผู้สูงอายุ 600 บาทเอาไว้ประทังชีวิตตัวเองไปวันๆเท่านั้นซึ่งเขาต้องการที่จะทวงความยุติธรรมให้กับตนเองจากที่เขาต้องประสบกับความลำบากมาอย่างยาวนาน

 

สนับสนุนโดย  next88th