อภิสิทธิ์สอนประยุทธ์แก้เรื่องม็อบ

อภิสิทธิ์สอนประยุทธ์แก้เรื่องม็อบทั้งที่ตัวเองก็เลยทำมาและสั่งฆ่าประชาชนในปี2553

ซึ่งประชาชนทุกคนจำคำอภิปลายของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้หรือไม่ “ ที่บอกว่าแม้จะมีประชาชนคนเดียวมาประท้วงหน้าสภาท่านต้องฟัง “ ( แล้วที คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เอง ประชาชนออกมาเท่าไหร่คุณตอบแทนเขาด้วย ลูกกระสุนปืน ) ประชาชนเสียชีวิตไปเท่าไหร่แค่น่าด้านลอยหน้ารอยตามาจนถึงปีแล้วเราถือว่าเก่งมากเลย

โดยสังคมที่ให้อภัยคนชั่วเยอะมากทั้งยังมีคำพูดอีกว่าสิ่งต่างๆที่มีการเรียกร้องนั้นมีแต่ขยายออกไปและเราคิดแต่ห้ามพยายามกดเอาไว้รับรองได้ว่าวันนี้อาจจะจบแต่อีกไม่นานก็จะกลับมาสิ่งที่ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พยายามพูดมาตลอดว่าจำเป็นที่จะต้องหาผู้ฟังที่เป็นคำตอบทางออกการฟังไม่ได้แปลว่าจะต้องเชื่อหรือทำตามทั้งหมด100%

แต่อะไรที่มีเหตุมีผลดึงเข้ามามีส่วนร่วมทำด้วยกันอะไรที่ถือว่าไม่ใช่ก็ถือว่าอย่างน้อย็ต้องพูดครุยอธิบายกันได้ว่าทำไมยังไม่ได้ด้วยเหตุด้วยผลทำไมเรื่องนี้ยังไม่ใช่แต่ไม่ใช่การปลุกระดมสร้างความเกลียดชัง

ซึ่งอยากจะถาม  “ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ “ จังเลยว่าเหตุการณ์วันนี้กับเหตุการณ์ในปี2553ว่ามันแตกต่างกันยังไงความเป็นตัวตน นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะบอกหรือไม่เขาได้บอกว่า นั้นมันไม่ใช่นั่นคือผู้ชุมนุมที่มาจากการปลุกปั่นของ คุณทักษิณ

ทำไปเพื่อประโยชน์ของคุณทักษิณเขาไม่มีค่าความเป็นคนเท่ากับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเราถือว่าควรจะพอเรื่องการเมืองได้แล้วพูดอย่างไปอีกอย่างหยุดเถอะพักเถอะกลับไปนอนอยู่บ้านเฉยๆจะดีกว่า

 นอกจากนี้เรามาดูกันดีๆว่าในขอเรียกร้องใน3ข้อเรียกร้องรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะเป็นข้อที่หนึ่งคือให้นายประยุทธ์ลาออกข้อที่สองเปิดสภาวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญข้อที่สามคือให้มีการปฏิรูปสถานบัน ส่วนข้อที่หนึ่งคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆก็คือ นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะอะไรถ้าหากนายประยุทธ์ลาออกเมื่อไหร่พลังประชารัฐมีเสนอเอาไว้เพียงชื่อเดียวก็คือนายประยุทธ์

ดังนั้นก็ต้องลงมาอยู่ที่คุณอนุทิน กับ คุณ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณอนุทินก็ดูเหมือนไม่ค่อยทำอะไรในเรื่องการเมืองเท่าไหร่ฉะนั้น คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เวลาเราฟังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเพื่อมีแสงสว่างอยู่นิดเพื่อจะได้กลับมา แต่ถามใจผู้ชุมนุมหรือเปล่า ( ระหว่าง นายประยุทธ์ กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ) ประชาชนอยากได้ใคร 

ซึ่งอยากจะบอกว่าเลือกคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะคนนอนร้องไห้ทั้งคืนไม่น่าเชื่อว่าให้นายกคุยกับม็อบหาทางออกด้วยเหตุผลโทษทีเถอะ ( คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเองก็เลยทำเรื่องนี้มาแล้วในปี2553 ) อย่างน่าด้านยังจะมาสามารถให้ความเห็นแบบนี้อีกหรอไม่น่าเชื่อน่ารังเกียจจริงๆ

 

สนับสนุนโดย  บาคาร่าฟรีโบนัส

14ตุลาคมตั้งเวทีล้อมรอบทำเนียบ 

สำหรับวันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่11ตุลาคมเป็นวันที่หลังจากนี้อีก3วันก็จะถึงวันที่14ตุลาคมที่ตอนนี้ปฏิทินทั้งหมดนั้นแต่ดูเหมือนปฏิทินนั้นหมดนั้น

ได้มองข้ามไปแล้วว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในวันจันทร์มันไม่ใช่เรื่องสำคัญต่อไปอีกแล้วและจะเกิดอะไรขึ้นในวันอังคารไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปแล้วแต่จุดที่เป็นสิ่งที่คนในวงการการเมืองจำนวนมากรวมทั้งประชาชนทั้งประเทศได้จำตามอง

ซึ่งในเวลา14.00.ของวันที่14ตุลาคม2563นั้นการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นที่ถนนราชดำเนินนั้นจะเป็นการชุมนุมที่มีประชาชนมามากขนาดไหนผู้จัดประกาศว่าอยากจะเห็นแบบม้วนเดียวจบ

โดยผู้จัดคือนายทนายอานนท์นั้นได้บอกว่าม้วนเดียวจบไม่ได้หมายถึงวันจบแต่ม้วนเดียวจบหมายถึงว่าเป็นการชุมนุมที่ต่อสู้ระยะยาวที่ท้วงคืนประชาธิปไตยแล้วก็มีการพูดแบบนี้ว่า ถ้า1ล้านคนม้วนเดียวจบก็จะเป็นม้วนเดียวแบบสั้นแต่ถ้าไม่ถึง1ล้านก็จบแบบยาวหน่อย

เพราะฉะนั้นทิศทางในการขับเคลื่อนเพื่อประชาธิปไตยผ่านชุมนุม14ตุลาคมนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหม่มีคนถามมาตลอดสื่อหลายที่ได้สัมภาษณ์ตลอดว่าเรามองว่าวันที่14ตุลาคมจะมีคนมากขึ้นหรือน้อยลงมันเป็นคำถามที่หลีกเลี่ยงที่จะตอบแต่มันก็เหมือนเป็นคำถามชี้นำว่าถ้าการชุมนุมมีคนมากขึ้นก็ถือว่าเรื่องที่ดีถ้าการชุมนุมมีคนน้อยลงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี

นอกจากนี้ตกลงแล้วการชุมนุมคราวนี้ถ้ายืดเยื้อค้างคืนจะมีน้ำยาชุมนุมได้หรือเปล่าเราก็รู้สึกว่ามันเป็นคำถามที่พยายามชี้นำว่าถ้าชุมนุมคือดีถ้าไม่ชุมนุมไม่ค้างคืนแปลว่าชุมนุมไม่ได้เรื่องแต่ว่าในเวลานี้กระแสข่าวการชุมนุมนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่

และทุกคนเข้าใจตรงกันว่าการชุมนุม14ตุลาคมนั้นมันเชื่อมโยงมากกว่าเรื่องของคนที่จะมาชุมนุมนั่นก็คือมันเชื่อมโยงกับการแก้รัฐธรรมนูญปลดล็อคประเทศจากเผด็จการเดินหน้าสู้ประชาธิประชาธิปไตย

เพราะฉะนั้นแล้วการประเมิล14ตุลาคมเป็นเรื่องที่มีคำจำเป็นมีมุมมองต่อการชุมนุมคราวนี้สองแบบ แบบที่หนึ่งคือแบบที่บอกว่าชุมนุม14ตุลาคมคนน้อยลงแน่ๆฝ่ายรัฐบาลได้พูดเอาไว้แบบนี้เยอะคุณอนุชา นาคาศัย รองสำนักนายกหรือแม้กระทั่งคุณธนกรเลขาคุณอนุชาก็พูดแบบนี้เยอะ

ซึ่งนายประยุทธ์เองก็ออกอาการพูดแบบนี้เยอะแต่ไม่กล้าพูดตรงๆเพราะว่ากลัวจะเป็นการสาดน้ำมันเข้ากองไฟแต่ว่ากลุ่มที่เป็นของนายประยุทธ์กลุ่มแลมโบอีสานก็บอกว่าจะมีคนมาชุมนุมน้อยเหตุผลที่คนเหล่านี้บอกว่าจะมีการชุมนุมน้อยก็เพราะว่าเขาอ้างว่านักศึกษาพูดเรื่องปฏิรูปสถานบันเยอะ

 

สนับสนุนโดย  คาสิโนออนไลน์ได้เงินจริง

14ตุลาคมชุมนุมใหญ่ไล่นายก

ซึ่งในวันนี้ได้มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นความชัดเจนเรื่องการชุมนุมวัน14ตุลาคมที่หลายคนได้จับตามองกันว่าจะมีผู้ชุมนุมร่วมมากขนาดไหนทิศทางการชุมนุมจะเป็นอย่างไรรวมทั้งพื้นที่ในการชุมนุมประเด็นในการชุมนุม

โดยวันนี้ได้มีการแถลงการตัวผู้จัดที่ประกาสตัวเองว่าเป็นคณะราษฎรเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองเรื่องของกระแสความต้องการให้นายประยุทธ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

เพราะฉะนั้นวันนี้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นนั้นก็คือมีการจี้ให้ประชาธิปัตและภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาลนายประยุทธืเพื่อให้สภาได้มีการเลือกนายกใหม่ไปเรียบร้อยแล้วรวมทั้งเริ่มมีสัญญาณของความที่เป็นไปได้ที่พรรคการเมืองมองกันว่าอาจจะมีโอกาศที่จะยุบสภาในระยอันใกล้แน่นอนว่าระยะอันใกล้ไม่ได้หมายถึงเดือนนี้แต่ว่าอาจจะหมายถึงภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า

นอกจากนี้เรามาเริ่มกันที่เรื่องของการเคลื่อนไหวของนักเรียนและนักศึกษาและก็ประชาชนก่อนเรื่องของการชุมนุมในวันที่14ตุลาคม ที่ได้มีการประเมิลการจับตามองกันมากกว่าการชุมนุมนั้นจะเป็นยังไง

ในเวลานั้นได้มีการชุมนุมกันเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ลาน สปป. เพื่อเป็นการเรียกร้องประชาธิปไตยด้วยการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นนั้นในวันที่14ตุลาคม นั้นเป็นการชุมนุมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกของการชุมนุมของกลุ่มประชาชนปลดแอกหลังจากการชุมนุมของกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมรวมทั้งการชุมนุมในวันที่19กันยายนถ้าเรามีภาพการชุมนุมในอดีตก็รองให้เห็นภาพว่าการชุมนุมแต่ละครั้งมีความต่อเนื่องมายังไง

ดังนั้นที่บริเวณท้องสนามหลวงได้มีการรวมตัวกันของแกนนำหลายต่อหลายคนที่ได้ประกาศตัวเองว่าเป็นคณะราษฎรเลียนแบบคณะชื่อผู้ประกอบการ 24มิถุนายน ปี2475  

ซึ่งผู้ชมดูก็จะเห็นว่าวันนี้การรวมตัวของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาประชาชนรอบนี้เป็นการชุมนุมที่มีที่มาจากแกนนำหลายต่อหลายกลุ่มด้วยกันไม่ว่าจะเป็นคุณไผ่ดาวดินจากอีสานไมค์ภานุพงษ์คุณรุ้งหรือว่าทนายอานนท์รวมทั้งอดีตประธานสหภาพนักศึกษาแห่งประเทศไทย

เนื่องจากนี้ในการชุมนุมและการแถลงข่าวที่เกิดขึ้นบริเวณสนามหลวงโดยผู้ชุมนุมได้เรียกว่าสนามราษฎรนั้นมีการตอบคำถามหลายต่อหลายเรื่องที่สังคมอยากรู้ไม่ว่าจะเป็นทิศทางของการชุมนุมหรือไม่ว่าจะเป็นประเด็นหลักในการชุมนุมผู้แถลงข่าวประกอบด้วยคุณไมค์คุณรุ้งรวมถึงคุณอานนท์มีการตอบคำถามของสื่อหลายต่อหลายเรื่องด้วยกัน

ดังนั้นนายอานนท์บอกว่าการชุมนุมวันที่14ตุลาคมเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ในการชุมนุมชับไล่เผด็จการวันนี้จึงมาชุมนุมกันมารวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรมขับไล่เผด็จการขึ้นอีกครั้ง 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  dewabet

จ่อจบลงแบบ “จอมพลป.พิบูลสงคราม“ 

สถานการณ์ทางการเมืองในวันนี้ได้มีการประเมินชะตาและอนาคตของนายประยุทธ์ว่าจะเป็นไปอย่างไรอาจารย์วงมูฮัมหมัดได้บอกว่านายประยุทธ์ได้อยู่บนทางสองแพร่งและ แพร่งที่หนึ่งก็คือลาออกโดยดีก็จะจบแบบพลเอกเปลมและพลเอกเชาวฤทธิ์

ส่วนแพร่งที่สองถ้าหากยังหวงอำนาจอยู่และยืนยันที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปก็จะจบลงแบบ ( จอมพลป.พิบูลสงคราม ) นั่นก็คืออาจจะต้องหลบหนีออกไปอยู่ต่างประเทศไม่ได้ตายในแผนดินไทยหรือไม่ก็จบแบบจอมพลถนอมนั่นก็คือถูกประชาชนต่อต้าน

ซึ่งในประเทศไทยเรานั้นได้เกิดกับปัญหาวิกฤตหลายด้านโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจแล้วก็เรื่องการเมืองมัมนอาจจะมีความรุนแรงไปกว่าในหลายๆครั้งที่ผ่านๆมา

เพราะฉะนั้นก็อยากจะให้ทุกคนช่วยกันแล้วในเฉพาะอย่างยิ่งเลยก็คือมันจะต้องมีความเสียสละกันอย่าทำให่มันเกิดความรุนแรงแล้วเกิดความผิดหวังให้กับประชาชนเราคิดว่า

ถ้ามันมีอะไรที่มันจะเปลี่ยนแปลงที่จะนำพาไปในทิศทางที่สร้างสรรค์เราคิดว่าเราทุกคนนั้นจะต้องควรเสียสละและในการเสนอให้นายประยุทธ์ลาออกนั้นมันจะเป็นทางออกที่ค่อนข้างจะดีเพราะว่าในสมัยก่อนจะเห็นว่านายกรัฐมนตรี

เมื่อท่านได้พบกับปัญหากับเศรษฐกิจแล้วก็ได้ดำรงตำแหน่งจนกระทั่งประชาชนนั้นได้คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนตัวไม่ว่าจะเป็นสมัยของ พลเอกเปลม ติณสูลานนท์  พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ก็ได้มีการเรียกร้องอยากจะให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยเต็มใบแล้วก็อย่างจะเห็นเศรษฐกิจที่เกิดความเชื่อมั่น

ซึ่งเราก็จะเห็นว่าท่านอดีตผู้นำกองทัพท่านอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่าน ท่านก็มีความเสียสละลาออกเราจะเห็นว่าอดีตผู้นำเหล่าทัพที่ได้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีในอดีตยกตัวอย่างสักสองท่านก็ได้เช่น จอมพลป.พิบูลสงคราม มีอำนาจพรรคการเมืองสนับสนุนเต็มแต่

เมื่อประชาชนเขาไม่ต้องการท่านก็ไม่ยอมลงด้วยดีในที่สุดแล้วจอมพลป.พิบูลสงครามก็จะต้องหนีออกไปอยู่ต่างประเทศ และอีกท่านหนึ่งก็ใกล้ๆกันเป็นผู้นำเหล่าทัพเหมือนกันความจริงก็ไม่อยากจะพูดคนที่เสียชีวิตไปแล้วแต่ว่าเพื่อเป็นตัวอย่าง ท่ามจอมพลถนอม กิตติขจร ก็ได้เป็นทั้งรัฐมนตรีกลาโหมเป็นทั้งนายกรัฐมนตรีเหล่าทัพก็สนับสนุน

นอกจากนี้เมื่อประชาชนได้เห็นว่าต้องการเปลี่ยนแปลงต้องการรัญธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยท่านก็ไม่ยอมในที่สุดแล้วท่านก็ต้องไปนายกรัฐมนตรีนายประยุทธ์ควรที่จะเสียสละเพราะว่าประยุทธ์กำลังยืนอยู่บนทาง2แพร่ง 

แพร่งที่1ตัวอย่างของ พลเอกเปลม ติณสูลานนท์ ก็ลงด้วยดี สามารถอยู่ในประเทศไทยไม่ต้องยึดทรัพย์ไม่ต้องถูกขับไล่กับมีฐานะที่คนนับถือสูงขึ้น

อย่างท่านพลเอกเปลมก็เป็นถึงองคมนตรีเพราะท่านเลือกทางที่จะลงด้วยคำพูดว่า “ ผมพอแล้ว “ นายประยุทธ์เป็นนายกถึง6ปีแล้วก็มีปัญหารอบด้านเวลาของคุณหมดลงแล้ว

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันบอล ฝากขั้นต่ำ100