โจ๋วัย 19 ถูกจ่อยิงขมับ  แต่ไม่ตาย  รอดปาฎิหาริย์

   ในโลกออนไลน์มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอเกี่ยวกับเด็กวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกันซึ่งในภาพจะไม่ค่อยได้เห็นชัดมากนักได้ยินเป็นเสียงและการใช้หัวตีกันรวมถึงผู้ที่ถ่ายคลิปเองก็มีการคุยกันเกี่ยวกับรถที่จอดตรงบริเวณที่กลุ่มวัยรุ่นตีกันจะได้รับความเสียหายโดยพื้นที่ที่เกิดเหตุฉันเกิดเหตุที่ซอยบางหญ้าแพรก ตำบลบางหัวเสือ  จังหวัดสมุทรปราการ 

สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ผู้บาดเจ็บมีชื่อว่านายโดม อายุ 19 ปี ในขณะเกิดเหตุนายโดมกำลังนั่งเล่นอยู่ตรงศาลาริมทางปากซอยบางหญ้าแพรก ซึ่งพี่สาวของนายโดมได้ให้ข้อมูลกับสถานีช่วงเวลาประมาณสี่ทุ่ม นายโดมได้โทรเข้ามาคนที่บ้านโดยบอกว่าถูกยิงด้วยอาวุธปืน โดยกระสุนปืนฝังเข้าไปที่ศรีษะด้านใน 

เมื่อพี่สาว ทราบเรื่องก็รีบเดินทางไปดูน้องชายทันที ปรากฏว่าตอนนี้น้องผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตัวพี่สาวเองก็สงสัยเหมือนกันว่าน้องชายตนเองไปมีเรื่องกับใคร เดินทางพี่สาวของนายโดมและเล่าให้กับทางผู้สื่อข่าวฟังว่าช่วงที่ก่อนนายโดมจะเข้ารับการผ่าตัดนั้นได้มีการพูดคุยกับพี่สาวได้ปกติดีและได้เล่าให้กับพี่สาวฟังว่าเหตุการณ์เกิดขึ้น

เนื่องจากว่านายโดมและเพื่อนพากันขับรถมอเตอร์ไซค์เพื่อไปซื้อของหลังจากนั้นก็พากันมานั่งเล่นอยู่ตรงศาลาริมทาง ระหว่างที่นายโดมกับเพื่อนกำลังนั่งคุยกันอยู่นั้นก็มีรถมอเตอร์ไซค์ของกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 3-4 คัน

โดยทั้งหมดมีการเบิ้ลเครื่องยนต์ตรงบริเวณที่นายโดมและเพื่อนนั่งเล่นกันอยู่ทำให้นายโดมตะโกนถามออกไปว่าจะเบิ้ลเครื่องทำไม ซึ่งทางวัยรุ่นที่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาก็ได้ขับเลยไปแต่นายโดมชวนเพื่อนให้ขับรถตามกลุ่มวัยรุ่นนั้นไปเมื่อไปถึงระหว่างทางกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวก็พากันขับมอเตอร์ไซค์มาล้อมรถของนายโดมและเพื่อนๆที่นั่งซ้อนกันมา 3 คน หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการตะลุมบอนกันเกิดขึ้น

เป็นวัยรุ่นพากันรุมทำร้ายนายโดมและเพื่อนและหนึ่งในใช้ปืนยิงมาที่หัวของนายโดม แล้วพากันหลบหนีไปหลังจากนั้นเพื่อนของนายโลมก็ได้นำร่างของนายโดมไปส่งที่โรงพยาบาลขึ้นระหว่างทางนายโดมยังสามารถพูดคุยได้ตามปกติ และยังสามารถโทรไปเล่าเหตุการณ์ให้พี่สาวและค้นหาบ้านฟังได้

  ซึ่งทางเพื่อนของน้องโดมยืนยันว่าไม่รุ้ว่ากลุ่มคนร้ายเป็นใคร เพราะกลุ่มคนร้ายแต่งกายมิดชิด มีทั้งหมดประมาณ 10 คน อีกทั้งยังบอกด้วยว่าการที่นายโดม  ถูกยิงที่ศีรษะในครั้งนี้แล้วไม่เสียชีวิตนั้นถือว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างมากซึ่งหลายคนเชื่อว่าเกิดมาจากการที่นายโดมสร้อยคอที่มีหลวงพ่อเผย วัดบางหญ้าแพรก รุ่นปี 05 ซึ่งเชื่อกันว่ารุ่นนี้ศักดิ์สิทธิ์และเป็นรุ่นที่ยิงไม่เข้า 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8

คนที่ถุยน้ำลายและล้วงเป้าจะเอาไปป้ายลิฟต์หนังถูกจับแล้วและโดนข้อหา

ต้องบอกว่าหลังจากที่มีโรคโควิค 19  คนใส่หน้ากากและป้องกันเป็นอย่างดีแต่เราไม่รู้ว่าคนที่ป่วยจะทำอะไรบ้างนะว่าหลายคนคงจะฟังข่าวนี้มาบ้างแล้วแต่สำหรับหลายคนที่ยังไม่เคยฟังเรามาฟังเรื่องราวต้นๆง่ายๆเร็วๆกันก่อนนะคะคือเรื่องมันเป็นอยู่ว่าได้มีผู้ชายคนหนึ่งถุยน้ำลายและเอามือไปป้ายกับนิดและตรงปุ่มลิฟท์หลังจากนั้นระหว่างที่รอลิฟต์กำลังขึ้น

หรือลงตามทางที่เขากำลังจะไปเขาได้ทำการเอามือของเขาล้วงเข้าไปในกางเกงจะเอามือที่ล้วงเข้าไปในกางเกงนั้นไปป้ายกับผนังหมดกล้องวงจรปิดจับได้และทางเจ้าของลิฟต์จึงได้เอาภาพจากกล้องวงจรปิดไปให้กับทางนักข่าวและทางตำรวจหลังจากนั้นเมื่อผ่านไปสักพักตำรวจก็สามารถตามจับตัวคนที่ถุยน้ำลายและรวมเป้าและเอาไปป้ายผนังลิฟท์ ได้ในที่สุด และคนที่ทำการคุยน้ำลายและล้วงเป้าจะเอาไปป้ายลิฟต์นั้นเมื่อตรวจแล้วพบว่าผู้ชายคนนั้นป่วยเป็นโรคโควิค 19

และหลังจากนั้นเขาได้บอกกับทางฉันว่าที่เขาทำไปนั้นก็เพราะว่าเขาไม่อยากตายตัวคนเดียวจึงได้ถุยน้ำลายใส่มือและเอาไปป้ายลิฟต์ก็เพื่อให้คนติดไปด้วยเมื่อจากผนังของลิฟท์พี่เอามือล้วงเข้าไปในกางเกงฉันต้องการให้ทุกคนติดเชื้อไปด้วยอีกครั้งกับสิ่งที่เขาทำเขาตอบเพียงแค่ว่าต้องการให้คนติดและตายเป็นเพื่อน และที่เขาได้ไปนั่นก็คือ สถานี BTS ละเวลา 5:2 3น.ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับตอนที่เขาได้ทำการปล่อยน้ำลายใส่มือเอาไปป้ายที่ผนังลิฟต์และเป็นเวลาเดียวกันที่เขาล้วงมือเข้าไปในกางเกง

และได้เอาไปแปะกับผนังแต่ยังไม่ต้องกลัวไปนะคะเพราะว่าทางเจ้าของสถานี BTS ได้ออกมาบอกเราว่าเข้าได้ให้พนักงานไปทำความสะอาดที่ลิฟต์ให้แล้วดังนั้นสามารถกลับมาใช้ได้อีกถึงแม้ว่าทางสถานีจะทำการทำความสะอาดแล้วแต่ยังไงก็อาจจะยังมีเชื้อโควิค 19 อยู่ดังนั้นถ้าใครจำเป็นต้องไปที่นั่นจริงๆหลังจากที่ใช้ลิฟต์เสร็จแล้วก็ควรจะหาเจลล้างมือใช้หรือก็ควรที่จะรีบล้างมือ

โดยทันทีเพื่อที่เชื้อโรคจะได้ไม่เข้าสู่ร่างกาย ผู้ชายคนนี้ได้ทำการป้ายน้ำลายที่ปุ่มกดชั้นลิฟท์ 6 ครั้งด้วยกันและว่ายน้ำลายบนที่จับหรือที่เรียกว่าอะไรบนลิฟท์ 2 ครั้งและล้วงกางเกงป้ายปุ่มกดชั้นลิฟต์ 11 ครั้ง หลังจากที่เขาได้กระทำการดังกล่าวเขาก็หายไปเลยแต่สุดท้ายทั้งตำรวจก็ตามตัวของผู้ชายดังกล่าวเจอสุดท้ายเขาจึงถูกจับและถูกคุมตัวไปที่สน. ซึ่งสุดท้ายใช้พรุ่งนี้ได้ถูกจับและโดนข้อหาแล้ว ถ้าใครที่เป็นโรคโควิค 19 อ่านอยู่แล้วก็จำไว้นะคะว่าเราไม่ควรทำอย่างนั้นเพราะมันจะเป็นการแพร่เชื้อตอบทุกๆคนบนโลกและถ้าคุณทำอย่างนั้นคุณก็จะได้บาปนะคะ

ผัววัย 54 ปีใช้เหล็กตีเมียวัย 28 ดับสาเหตุมาจากความหึงหวง

อันนี้เกิดจากความหึงหวงระหว่างสามีและภรรยา สามีอายุ 54ปี และภรรยาอายุ 28 ปีโดยอายุห่างกันประมาณซัก 26 ปีซึ่งภรรยาก็ออกไปทำงาน ไม่ยอมกลับบ้านหลายวันติดต่อกันจึงทำให้สามีวัย 54 ปีสงสัย จึงได้เดินทางไปดักรอภรรยาของตนเองที่หน้าโรงงานที่ภรรยาทำงานอยู่หลังจากนั้นสามีก็ได้เห็นว่าภรรยานั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาที่โรงงาน

เมื่อเห็นดังนั้นฝ่ายสามีจึงเกิดความโมโหเป็นอย่างมากจึงได้ใช้เหล็กฟาดเข้าไปที่หัวของภรรยาอย่างแรง จึงเป็นเหตุทำให้ภรรยาของเขาเสียชีวิตทันทีซึ่งสามีภรรยาคู่นี้มีลูกด้วยกันแล้ว 1 คน เด็กกลายเป็นเด็กกำพร้าทันทีเพราะว่าแม่เสียชีวิตแล้วพ่อก็ต้องติดคุกโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นในสายของวันที่ 19 เดือนมีนาคมปีพศ 2563 นี้เองซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หน้าโรงงานทำไอศครีมที่จังหวัดเชียงใหม่ 

         เส้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของสภเชียงใหม่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงได้ประสานงานให้กู้ภัยเดินทางไปตรวจสอบก่อนและเมื่อไปถึงก็พบว่ามีหญิงสาวอายุ 28 ปี ชายคนดังกล่าวนอนจมกองเลือดอยู่สภาพใบหน้ามีร่องรอยการถูกตี ตอนไปถึงหญิงสาวคนดังกล่าวยังมีสติยังหายใจรวยรินอยู่

ซึ่งนอนอยู่หน้าประตูทางเข้าโรงงานทําไอศครีมเบอร์กู้ภัยไปถึงก็ได้พยายามช่วยกันปั๊มหัวใจของเธอ แต่เธอทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ก่อเหตุนั้นก็คือสามีของหญิงสาวคนดังกล่าวนั่นเองซึ่งเข้าไม่ได้หนีไปไหนยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและสารภาพว่าเป็นผู้ที่ลงมือใช้ไม้ไปที่หัวของภรรยาจนเสียชีวิตเอง เส้นทางฝ่ายสามีได้บอกว่าได้อยู่กินกับภรรยามานานถึง 6 ปีแต่ช่วงหลังกลับได้ว่าภรรยาคบชู้

เนื่องจากเห็นหลักฐานผ่านทาง Facebook ของภรรยาและน้องๆมาภรรยาไม่ยอมกลับบ้านจึงได้มาดักซุ่มดูอยู่ที่หน้าโรงงานดังกล่าวเมื่อเห็นว่าภรรยานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มากับผู้ชายจึงทำให้เกิดความโมโหจึงได้เข้าไปหาทางภรรยาและชายคนดังกล่าวจนมีเหตุการณ์ทะเลาะเถียงกันเกิดขึ้นแล้วด้วยความโมโหเราจึงมองเห็นเหล็กวางอยู่ตรงข้างๆหน้าโรงงานจึงได้คว้าเหล็กขึ้นมาและนำเหล็กไปทุบตีภรรยานอนแน่นิ่งไปซึ่งภายหลังจึงได้รู้ว่าภรรยาเสียชีวิตจึงได้รอเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจับกุมตัว 

      อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องมีการตรวจสอบสาเหตุการทำร้ายร่างกายกันอีกครั้งหนึ่งเพราะว่าทางภรรยาได้เสียชีวิตไปแล้วจึงอาจจะต้องมีการนำตัวชายอีกคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการที่เราถูกระบุว่าเป็นชายชู้มาทำการสอบปากคำอีกครั้งหนึ่งว่าสาเหตุในการทำร้ายร่างกายกันครั้งนี้เกิดจากการหึงหวงกันจริงหรือไม่ อะไรก็ดีชายวัย 54 ปีที่อ้างว่าเป็นสามีของผู้ตายก็ต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาฆ่าคนตายอย่างแน่นอน

เศรษฐกิจแย่ ทำคนฆ่าตัวตาย 

ที่จังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. พานทอง ได้รับแจ้งว่าบ้านหลังนี้ คือบ้านเลขที่ 105/26   บ้านจันทร์แสง มีผู้เสียชีวิตอยู่ในรถยนต์ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่ไปทำการตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตนั่นก็คือคุณสุภาพอายุ 48 ปี

สภาพศพนอนเสียชีวิตอยู่ที่ฝั่งคนขับ กรอบรูปแต่งงานและกรอบรูปที่มีรูปภาพของลูกของเขาอยู่ในมือพบว่าเบาะที่นั่งข้างคนขับมีการวางเตาอั้งโล่ ซึ่งที่เท่าไหร่จากการจุดนอกจากนี้ตรงบริเวณคอของคุณสุภาพยังพบเส้นเชือก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมงและคนที่มาพบศพคนแรกก็คือภรรยาของเขานั่นเอง

  ซึ่งภรรยาของคุณสุภาพได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเธอออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วกลับมาถึงบ้านตอน 20:00 นเตือนเมื่อกลับมาถึงบ้านเขาหาสามีไม่เจอแต่เมื่อมองเข้าไปในรถแล้วเห็นเงาเหมือนสามีนั่งอยู่ในรถ ก็เลยเข้าไปเคาะกระจกรถเรียก แต่ปรากฏว่าสามีไม่ยอมเปิดประตูรถทางด้านภรรยาจึงได้ทำการเปิดประตูรถเข้าไปเองแล้วก็ไปเจอว่าทางสามีนั่งตัวแข็งอยู่ในรถแล้ว ก็คือเสียชีวิตแล้ว

          นักข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านผู้เสียชีวิตพบว่า มีการนำศพขอผู้เสียชีวิตไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดหนองตำลึง ที่จังหวัดชลบุรี โดยทางผู้สื่อข่าวได้ไปคุยกับภรรยาของผู้เสียชีวิต ซึ่งตอนแรกที่เข้าไปเห็นศพสามีคิดว่าสามีนอนหลับ แต่เมื่อจับตัวดูถึงรู้ว่าตายแล้ว ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตนั้นมาจากที่สามีได้มีการทำธุรกิจแล้วประสบปัญหาการขาดทุนมาโดยตลอด ล่าสุดก็มาทำธุรกิจขายหนูนาแต่ก็ไม่รอดอีก

ซึ่งตั้งแต่ทำธุรกิจขายหนูนามาก็ขาดทุนมาโดยตลอดทำให้สามีรู้สึกเครียดโดยส่วนตัวแล้วทำตัวภรรยาเองและสามีมักจะไม่ค่อยได้คุยกันเพราะว่าภรรยามีงานประจำที่ทำอยู่จะกลับมาถึงบ้านก็ค่ำแล้วจึงไม่ค่อยรู้สาเหตุของปัญหาของสามีมากสักเท่าไหร่แต่จากการที่รู้เกี่ยวกับเรื่องของธุรกิจของสามีไม่ค่อยประสบความสำเร็จตัวภรรยาเองก็ได้ปลอบใจไม่ให้คิดมาก โดยทางด้านภรรยาคิดว่าสาเหตุที่สามีฆ่าตัวตายนั้นน่าจะมาจากเรื่องของการมีหนี้สินเป็นหลักซึ่งสามีน่าจะมีหนี้สินทางด้านของบัตรเครดิตและอาจจะไปทำการกู้เงินมาทำธุรกิจซึ่งอาจจะไม่มีเงินไปจ่ายค่าดอกเบี้ยจนทำให้สามีคิดสั้นและฆ่าตัวตาย

อย่างที่เห็นไม่มีตอนนี้ภรรยาไม่ได้ติดใจสาเหตุการตาย เพราะเข้าใจว่าสามีมีหนี้สินเป็นจำนวนหลายแสนบาทน่าจะมีปัญหาเรื่องของการหมุนเงินไม่ทันขอสามีทำธุรกิจหลายอย่างแล้วช่วงนี้เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดีด้วยก่อนหน้านี้เขาเคยเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกแต่ก็รักษามาจนหายซึ่งคิดว่าครั้งนี้เขาก็คงเครียดแล้วตัดสินใจไม่ได้จึงได้ตัดสินใจกับชีวิตตัวเองคนเดียวคิดว่าเขาน่าจะฆ่าตัวตายเพราะความคิดชั่ววูบเท่านั้นเอง 

เจอแม่ค้าขายหน้ากากอนามัยปลอม

เจอแม่ค้าขายหน้ากากอนามัยปลอม เจอคนจริงแจ้งตำรวจจับ

    เนื่องจากในสภาวะเช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19ยังมีปัญหาเรื่องปากท้องปัญหาเรื่องการตกงานปัญหาอากาศมีฝุ่นพิษเรียกได้ว่าตอนนี้ประเทศไทยมีแต่ปัญหาปัญหาแล้วก็ปัญหาซึ่งทำให้ประชาชนต่างก็ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากและถึงแม้ว่าประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนจากเชื้อโรคจากฝุ่นละออง

จากสภาวะเศรษฐกิจที่มันดิ่งลงเหวอยู่ในขณะนี้แต่ตอนนี้คนไทยด้วยกันเองก็ยังมาทำร้ายกันเองด้วยการนำของปลอมออกมาจำหน่ายอย่างเช่นรายงานข่าวจากสำนักข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความจากหญิงสาวคนหนึ่งว่าเธอไปซื้อหน้ากากอนามัยมาใช้แล้วเจอแม่ค้านำของปลอมมาขายให้แล้วเมื่อได้ทำการต่อว่าแม่ค้าคนดังกล่าวไปแม่ค้ากลับไม่รู้จักสะทกสะท้านและไม่รู้สึกว่า

สิ่งที่ตัวเองทำไปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเป็นสิ่งผิดโดยปัจจุบันคนเราเริ่มรู้สึกเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น เมื่อถูกจับได้ว่าทำความผิดก็อ้างเรื่องของปากท้องของตนเองโดยที่ไม่คิดถึงเลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปนั้นจะเป็นการทำร้ายคนอื่นมากแค่ไหน

เพราะอย่างเช่นข่าวที่มีคนนำหน้ากากอนามัยปอมาขายนี้ลูกค้าซื้อไปใช้งานลูกค้ายอมเสียเงินในการซื้อหน้ากากอนามัยให้กับแม่ค้าแต่คุณภาพของสินค้ากลับได้มาไม่ตรงตามที่ต้องการนั้นสินค้าก็จะไม่สามารถป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 ได้รวมถึงไม่สามารถที่จะป้องกันเชื้อโรคไวรัสโคโรน่าที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ขณะนี้ได้ 

   สุดท้ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้หญิงสาวที่ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ถอนแจ้งความเพราะรู้สึกสงสารป้าที่ขายหน้ากากอนามัยแต่ก็ได้ตื่นแกว่าสิ่งที่ทำไปนั้นมันไม่ถูกต้องและไม่ควรกระทำอีกจึงเชื่อหรือเปล่าว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยป้าคนดังกล่าวออกมาเธอก็ต้องนำหน้ากากอนามัยปลอมที่เธอได้มีการลงทุนไปแล้วหลายบาทมาจำหน่ายอีกแน่นอนถ้าหากว่าเธอคิดได้ตั้งแต่แรกเธอคงไม่นำหน้ากากอนามัยปลอมมาขายให้กับคนอื่นแล้วเมื่อถูกจับได้แทนที่เธอ

จะขอโทษกับลูกค้าต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเธอกลับไม่ได้รู้สึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปนั่นแสดงว่าเธอรู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์ออกมาจะเป็นเช่นไรแต่เธอก็ยังทำดังนั้นสิ่งที่ทำให้ในตอนนี้สำหรับประชาชนทั่วไปอย่างเราก็คือการเลือกดูสินค้าให้แน่ใจซะก่อนว่า

สินค้านั้นมีคุณภาพก่อนที่จะมีการตกลงตัดสินใจซื้อสินค้านั้นไป เพราะถ้าหากเราต้องใช้สินค้าปลอมได้คุณภาพก็เท่ากับเราเสียเงินฟรีแต่เราก็ยังต้องเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือเสี่ยงที่จะต้องดูดเอาควันพิษ PM 2.5 เข้าปอดอยู่ดี 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  sagame

การขาดแคลนหน้ากากอนามัย

หมอจะไม่ทนนัดรวมตัวประท้วงต้องการให้รัฐบาลนำหน้ากากอนามัยแจกให้โรงพยาบาลก่อนแจกเงินประชาชน 

   จากกรณีที่มีนายแพทย์ท่านหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการขาดแคลนหน้ากากอนามัยของทางโรงพยาบาลซึ่งปัจจุบันพบว่ามีโรงพยาบาลหลายแห่งมีหน้ากากอนามัยที่ไม่เพียงพอให้กับทางแพทย์และพยาบาลใช้งานซึ่งบางคนและบางที่ต้องนำของเก่ามาใช้อย่างที่นายแพทย์ท่านหนึ่งได้ออกมาบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์โดยตรงของตนเองว่ามีหน้ากากอนามัยใช้อยู่อันเดียวแต่ต้องเข้าห้องผ่าตัดแล้วเลือดของคนไข้ก็กระเด็นเปื้อนหน้ากากอนามัยหมด

แต่ถึงอย่างนั้นมาก็ยังไม่มีหน้ากากอนามัยอันใหม่ที่จะนำมาเปลี่ยนเพราะหน้ากากอนามัยของโรงพยาบาลได้หมดลงไปแล้วซึ่งคุณหมอท่านนั้นยังได้ถ่ายรูปโชว์ให้ชาวโซเชียลได้ดูด้วยจึงมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการขาดแคลนหน้ากากอนามัยกันเป็นอย่างมากและทำให้หลายฝ่ายต่างช่วยกันระดมทุนหา

ซื้อหน้ากากอนามัยเพื่อไปบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลอีกทั้งยังเรียกร้องให้รัฐบาลรีบหาทางแก้ไขปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนโดยเร็ว แต่หลังจากโพสต์ของคุณหมอดังกล่าวเผยแพร่ได้ไม่นานคุณหมอก็ได้ออกมาบอกว่าทางกระทรวงสาธารณะสุขได้ออกมาบอกให้คุณหมอลบโพสต์ดังกล่าวออกเสียเพราะกระทรวงสาธารณสุขไม่พอใจที่คุณหมอออกมาโพสต์ข้อความดังกล่าวซึ่งเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับโรงพยาบาล

อย่างไรก็ดีในเวลาต่อมาก็มีคุณหมอจากโรงพยาบาลมหาลัยขอนแก่นได้ออกมาโพสต์ข้อความขอรับบริจาคผ้าอ้อมที่เป็นผ้าสารูที่คนไม่ใช้แล้วให้นำมาบริจาคให้กับโรงพยาบาลเพื่อที่ทางเจ้าหน้าที่จะได้นำพาดังกล่าวไปเย็บทำเป็นหน้ากากอนามัยใช้ชั่วคราวระหว่างที่รอหน้ากากอนามัยจากทางรัฐบาลส่งมาให้โดยได้กล่าวว่าตอนนี้แม้แต่ภาษาลูกก็ขาดแคลน และจากปัญหาดังกล่าวได้กลายเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โตเพราะตอนนี้คุณหมอจากโรงพยาบาลขอนแก่นได้ออกมานัดรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรหน้ากากอนามัยมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน

โดยนำข้อมูลไปเปรียบเทียบที่ทางรัฐบาลกำลังจะทำเรื่องแจกเงินให้กับประชาชนใช้จ่ายฟรีในช่วงเดือนเมษายนนี โดยคุณหมอหลายท่านมองว่าก่อนที่รัฐบาลจะนำเงินของภาษีไปแจกจ่ายให้กับประชาชนใช้ฟรีนั้นรัฐบาลควรเห็นความสำคัญของหมอและพยาบาลที่ต้องดูแลคนไข้แต่ไม่มีหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรคได้จึงเสี่ยงที่จะให้หมอและพยาบาลติดเชื้อโรคจากคนไข้ได้ง่าย

ซึ่งเป็นอันตรายต่อหมอและพยาบาลเป็นอย่างมากดังนั้นหมอและพยาบาลจึงได้นัดรวมตัวกันมาประท้วงในวันพรุ่งนี้เพื่อให้รัฐบาลรีบแก้ไขปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยอย่างเร่งด่วนและเพื่อเป็นการแสดงจุด ยืนกับการไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลแก้ไขปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยแบบนี้   

 

สนับสนุนโดย  next88

คนแต่ในรัฐบาลไทยไม่มีนโยบายกักตัว

พี่น้องกำลังจะกลับไทย 5000 คนแต่ในรัฐบาลไทยไม่มีนโยบายกักตัว

        ตอนนี้กำลังมีข่าวหรือว่าแรงงานไทยที่แอบรักรอบไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้มีความต้องการที่จะเดินทางกลับมาประเทศไทยเป็นจำนวนคนมากถึง 5000 คนนั้นในรายงานเบื้องต้นมีการระบุว่ารองนายกรัฐมนตรีนายวิษณุ.

เครืองามได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่ายังไม่อยากที่จะให้แรงงานไทยที่ไปอยู่ประเทศเกาหลีได้เดินทางกลับมาประเทศไทยตอนนี้เพราะด้วยสภาวะปัญหาที่กำลังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าอยู่ในตอนนี้กำลังเป็นปัญหาใหญ่หากทางแรงงานไทยทั้ง 5000 คนเดินทางกลับมาจะทำให้ลำบากในการควบคุมเชื้อโรค

ซึ่งเมื่อนักข่าวได้มีการไปสอบถามนายประวิตร ทำให้ตอนนี้ได้รับคำตอบว่าตอนนี้ทางรัฐบาลยังไม่ได้ออกกฏหมายควบคุมเกี่ยวกับเรื่องของการกักตัวนักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะเดินทางกลับมาในประเทศไทยดังนั้นในกรณีที่แรงงานไทยที่ไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้

จะเดินทางกลับมาที่ไทยก็ยังไม่มีนโยบายในการกักตัวเช่นเดียวกันซึ่งถ้าหากแรงงานเก่าที่เป็นคนไทยไปทำงานที่เกาหลีใต้และต้องการเดินทางกลับมาประเทศไทยจริงๆ ก็คงต้องปล่อยตัวให้เค้ากลับบ้านแล้วให้เค้าทำกันกับตัวเอง

เพราะประเทศไทยยังไม่ได้มีการทำพื้นที่เอาไว้สำหรับกักตัวผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงของการที่จะติดโรคไวรัสโคโรน่าด้วยตอนนี้พลเอกประวิตรกล่าวว่าประเทศไทยกำลังประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศโดยกล่าวว่าจะทำการช่วยเหลือแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีไม่สามารถเดินทางกลับมาที่ไทยได้

แต่เมื่อมาถึงประเทศไทยแล้วกลุ่มคนงานต่างๆจะต้องรักษาตัวเองอยู่ที่บ้านตามมาตรการกับตัวของตัวเอง 14 วันแต่รัฐบาลจะไม่ขำกันคุมตัวแรงงานไทยที่กลับมาจากเกาหลีถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะเดินทางมาจากเมืองที่กำลังติดเชื้อกันอย่างหนักก็ตาม สาเหตุนั้นก็เพราะว่ารัฐบาลยังไม่ได้ตังค์มาตรการกักตัวคนที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงแล้วเดินทางกลับมาประเทศไทย

ซึ่ง วิธีการป้องกันเบื้องต้นทำได้เพียงแค่อธิบายสถานการณ์ให้กลุ่มแรงงานไทยที่กลับมาจากเกาหลีเข้าใจว่าตอนนี้ประเทศไทยมีการควบคุมสถานการณ์เชื้อไวรัสเป็นอย่างไรและแรงงานไทยที่กลับมาจากเกาหลีควรจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร

เท่านั้นเรายังไม่มีการจะให้ลงทะเบียนดังนั้นทุกคนต้องดูแลตัวเองหากป่วยก็ต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลไปหาก็ยังไม่มีอาการก็ต้องตัดตัวเองไว้ที่บ้านเป็นระยะเวลา 14 วันตามนโยบายที่ประเทศไทยกำลังทำกันอยู่ณตอนนี้เท่านั้น

 สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ตอนนี้เป็นการแก้ไขปัญหาการแพร่เชื้อระบาดได้แย่มากไม่มีมาตรการอะไรในการป้องกันได้เลย

แถมยังจะรับคนที่อยู่ในกลุ่มเสียงเดินทางกลับมาประเทศไทยโดยที่ไม่ยอมหามาตรการในการป้องกันเอาไว้ก่อนซึ่งทำให้คนที่อยู่ในประเทศไทยเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเป็นอย่างมาก

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เว็บพนันออนไลน์2020

พลังของชาวโซเชียลช่วยกันหาเบาะแส

พลังของชาวโซเชียลช่วยกันหาเบาะแสจนสามารถตามจับสองสาวมิจฉาชีพได้

   ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันแล้วว่าสามารถตามจับกุมสองสาวที่ได้เข้ามาแอบขโมยกระเป๋าสตางค์ภายในร้านอาหารขณะที่เจ้าทุกข์กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อนเพื่อนกลางร้านอาหารชื่อดังโดยเจ้าของกระเป๋าในบอกว่าดีใจที่ได้กระเป๋าคืนถึงแม้ว่าเงินในกระเป๋าจะหายไปหมดก็ตาม

  จากกรณีที่มีหญิงสาวคนหนึ่งได้มีการนำคลิปวิดีโอออกมาเผยแพร่ใน Facebook ส่วนตัวโดยได้มีการขอร้องให้เพื่อนเพื่อนในโลกโซเชียลช่วยกันหาข้อมูลและเบาะแสของหญิงสาวทั้งสองคนที่อยู่ในคลิปวิดีโอดังกล่าว

เนื่องจากว่ากระเป๋าของเธอถูกขโมยไปในขณะที่เธอกำลังไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าชื่อดังซึ่งในคลิปจะเห็นว่ามีผู้หญิงสองคนได้เดินเข้ามาใกล้กระเป๋าของเธอแล้วได้ฉกกระเป๋าของเธอไปโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว

ซึ่งหลังจากนั้นผู้หญิงทั้งสองคนก็ได้พากันหลบหนีซึ่งจากกล้องวงจรปิดที่หามาได้พบว่าหลังจากที่หญิงสาวทั้งสองคนขโมยกระเป๋าเธอเรียบร้อยแล้วก็พากันขึ้นรถแท็กซี่หนีไปและหลังจากที่คลิปวิดีโอนี้ได้มีการเผยแพร่ออกไปผู้คนในโลกโซเชียลต่างก็ ช่วยกันแชร์คลิปวิดีโอนี้ออกไปเพื่อตามหาคนร้ายทั้งสองคน

ซึ่งในเวลาไม่นานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมตัวคนร้ายมาได้ซึ่งเป็นผลมาจากประชาชนในโลกโซเชียลต่างก็ช่วยพากันหาเบาะแสของหญิงคนร้ายทั้งสองคนแล้วพากันแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเป็นสาเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษได้

ซึ่งหญิงสาวได้มีการโพสต์ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ , สื่อและคนบนโลกโซเชียล

ที่ช่วยกันหาเบาะแสจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ซึ่งเธอได้กล่าวว่าเธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เธอได้กระเป๋าของเธอกับคืนมาซึ่งในกระเป๋ามีของสำคัญและยังมีเงินสดอยู่ภายในกระเป๋าด้วยแต่จากที่ได้รับกระเป๋ามาแล้วมีของบางอย่างในกระเป๋าหายไปรวมถึงเงินสดของเธอด้วยแต่ยังไงเธอก็ยังดีใจอยู่ดี

โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เธอได้เข้าไปแจ้งความที่สน. ไว้ขวางและเมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับเบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายก็พบว่าคนร้ายอยู่ในเขตพื้นที่ของสน. พญาไทจึงทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งของสองสน.

ต่างก็ร่วมมือกันในการเข้าจับกุมคนร้ายในครั้งนี้เพราะสืบทราบมาว่าคนร้ายมีบ้านพักอยู่แถวราชเทวีโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนางสาวสุภาพรกัญญารัตน์ และคนร้ายอีกคนคือนางสาวมาลีเฉิดฉายซึ่งทั้งสองคนรับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำความผิดจริงซึ่งการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ถือว่าสามารถจับกุมคนร้ายได้รวดเร็วเป็นอย่างมากเพราะเพียงแค่หนึ่งวันก็สามารถตามจับตัวคนร้ายได้แล้ว