ญาติผู้เสียชีวิตจากการติดไวรัสโควิด-19

ญาติผู้เสียชีวิตจากการติดไวรัสโควิด-19 รุมทำร้ายเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเหตุเพราะถูกห้ามไม่ให้ดูศพ 

       ในขณะนี้ทุกประเทศต่างก็ได้รับความเดือดร้อนจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากและยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นในทุกๆวันยิ่งประเทศในแถบอเมริกาและยุโรปแล้วจำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิตต่อวันนั้นมีค่อนข้างเยอะและในขณะเดียวกันประชากรของคนในประเทศดังกล่าวก็ยังไม่มีความเชื่อในเรื่องของการติดเชื้อไวรัสมาเท่าไหร่ไม่ยอมให้ความร่วมมือในการที่จะลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

จึงทำให้ประชากรของฝั่งทางประเทศอเมริกาและยุโรปยังคงต้องพบกับปัญหาการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นในทุกๆวันและยิ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19มาขึ้นเท่าไหร่ผู้คนก็ยิ่งพากันเครียดและตื่นตระหนกหวาดกลัวกันมากขึ้นเท่านั้นมีรายงานข่าวมาจากประเทศเม็กซิโกถึงเหตุผลที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

โดยทางบุรุษพยาบาลเป็นผู้เล่าเหตุการณ์ซึ่งเขาถูกทำร้ายจากทางด้านของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเนื่องจากว่าทางญาติทราบข่าวว่าผู้ป่วยที่เป็นญาติของพวกเขาที่ถูกส่งตัวมารักษาตัวจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เสียชีวิตลง

ซึ่งสร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับคนในครอบครัวเป็นอย่างมากทุกคนต่างต้องการที่จะเห็นหน้าศพเป็นครั้งสุดท้ายซึ่งตามปกติทางโรงพยาบาลจะให้ญาติสามารถเข้าเยี่ยมชมได้อยู่แล้วแต่ในกรณีที่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าเราต่างก็รู้กันดีอยู่ว่าตุ๊กโรงพยาบาลจะมีการป้องกันเชื้อโรคที่แพร่ออกจากศพไปยังบุคคลอื่นต้องมีความระมัดระวังและควบคุมการศพให้เรียบร้อยมีการฉีดยาฆ่าเชื้อแล้วใส่ถุงควบคุมโรคเป็นอย่างดี

ดังนั้นได้ของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าแล้วเสียชีวิตจะไม่สามารถเห็นหน้าศพของคนที่ติดเชื้อได้เลยซึ่งที่ประเทศเม็กซิโกเองก็เป็นอย่างเช่นประเทศอื่นๆเหมือนกันแต่เนื่องจากญาติของคนที่เสียชีวิตนั้นค่อนข้างมีอารมณ์รุนแรงและอาจจะเกิดความเครียดที่ไม่ได้เห็นคนตายเนื่องจากว่าคนตายเป็นที่รักของทุกคนในครอบครัว

จึงได้ก่อเหตุรุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลด้วยการชกต่อยซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มีการนำภาพใบหน้าที่บวม ออกมาให้ประชาชนได้เห็นกันผ่านทาง facebook ส่วนตัวของตนเองแต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทางโรงพยาบาลได้ทำก็คือการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่ระบาดมากขึ้น 

         บุคคลควรได้ตระหนักถึงภัยร้ายที่เกิดจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19และควรจะช่วยเหลือกันในการที่จะลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซึ่งไม่ควรจะโทษว่าเป็นความผิดของคนใดคนหนึ่งหรือไม่ควรที่จะให้คนใดคนหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบแต่ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกันถึงจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตของการติดเชื้อไวรัสโควิด-19  ในครั้งนี้ได้

แค่ปั่นจักรยานส่งอาหาร ไม่ใช่ชีวิตแร้นแค้น

แค่ปั่นจักรยานส่งอาหาร ไม่ใช่ชีวิตแร้นแค้น หนุ่มแกร็บโต้ แค่ทำเป็นงานอดิเรก

            ชายหนุ่มปั่นจักรยานส่งอาหาร เป็นพนักงานของบริษัทแกร็บ  ไม่พอใจที่มีคนแอบถ่ายตอนทำงาน แถมมีการแชร์ภาพจนชาวโชเซียลสงสารถึงความลำบากที่รถจักรยานก็ไม่มีขับ  แต่หนุ่มแกร็บโต้กลับชาวโซเชียล ที่บ้านมีฐานะแค่ต้องการทำงานอดิเรกเล่น เก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศเฉยเฉย

           จากที่มีเหตุการณ์ก่อนหน้านี้มีคนถ่ายรูปผู้ชายส่งอาหารของบริษัทแกร็บ ทำการขี่จักรยานไปส่งอาหาร แล้วนำรูปดังกล่าวไปแชร์ในโลกโซเชียล ซึ่งคนส่วนใหญ่ต่างรู้สึกสงสารหนุ่มแกร็บคนดังกล่าวที่ไม่มีรถมอเตอร์ไซด์ขับส่งของ ต้องตากแดดปั่นจักรยานส่งของคนมีคนแชร์ภาพนี้กันเป็นจำนวนมากรวมถึงมีการจะเรี่ยไรเงินกันมาซื้อรถมอเตอร์ไซด์ให้กับหนุ่มแกร็บคนดังกล่าว 

ล่าสุดหนุ่มแกร็บที่อยู่ในคลิปดัง ได้ออกมาโพสต์ระบายถึงความรู้สึกของตนเองถึงภาพที่มีการแชร์กันอยู่ในปัจจุบันว่า เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจที่มีคนมาแอบถ่ายรูปของเขาแล้วเอาไปโพสต์ลงเฟสบุ๊กโดยที่ยังไม่ได้ขออนุญาตเขาก่อน เพระส่วนตัวแล้วเขาไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเขา

ซึ่งหนุ่มแกร็บคนดังยังกล่าวอีกว่า เขาไม่ได้เดือดร้อนที่จะต้องขี่จักรยานส่งของเพราะเขาชอบแบบนี้ และทางบริษัทแกร็บเองก็อนุญาตว่าให้ขี่จักรยานส่งของได้ อีกทั้งหนุ่มแกร็บคนดังยังบอกอีกว่าฐานะทางบ้านของเขาไม่ได้ยากจน การที่เขามาขี่จักรยานส่งอาหารนั้นเพียงเพราะเขาชอบ และเขาทำเป็นงานอดิเรก ส่วนเงินที่ได้เขาก็สะสมเอาไปเที่ยวต่างประเทศ เขามีทรัพย์สินส่วนตัวเยอะและมีเงินเยอะไม่ได้ลำบากแต่อย่างใด 

ทั้งสำคัญเขารวยขนาดมีเงินไปเที่ยวต่างประเทศมาถึง 15 ประเทศแล้วดังนั้นเขาต้องการให้ทุกคนเข้าใจ และอยากให้หยุดแชร์รูปของเขาเสียที ซึ่งเขายังบอกอีกว่าหากไม่เชื่อสามารถไปดูในเฟสบุ๊กส่วนตัวของเขาได้ว่าเขาไปเที่ยวมาจริงหรือไม่ และยังฝากบอกคนที่แอบถ่ายรูปของเขาด้วยว่า เขาไม่พอใจที่มาแอบถ่ายรูปของเขาแบบนี้ อย่าคิดเองเออเอง แล้วเที่ยวไปถ่ายรูปคนอื่นไปทั่วเพราะเป็นสิ่งที่ไม่ดี มันเหมือนกับคนไร้มารยาท

        จากเรื่องราวในครั้งนี้คงพอจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครอีกหลายคนที่เห็นอะไรแล้วก็ชอบถ่ายรูปเอามาโพสต์คลิปลงไปโดยไม่ขอเจ้าของรูปก่อน เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะพอใจที่คนอื่นมาแอบถ่ายรูปของตัวเองกันทุกคน 

ดังนั้นอย่าได้แต่หวังไลฟ์หรือแชร์จากเพื่อนในเฟส ควรนึกถึงจิตใจคนที่อยู่ในรูปที่เราแชร์ออกไปด้วยว่าเขาจะอายแค่ไหนที่คนทั้งประเทศต้องเห็นรูปของเขาในสภาพที่อาจจะไม่น่าดูมากนัก

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  BK8

การขาดแคลนหน้ากากอนามัย

หมอจะไม่ทนนัดรวมตัวประท้วงต้องการให้รัฐบาลนำหน้ากากอนามัยแจกให้โรงพยาบาลก่อนแจกเงินประชาชน 

   จากกรณีที่มีนายแพทย์ท่านหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการขาดแคลนหน้ากากอนามัยของทางโรงพยาบาลซึ่งปัจจุบันพบว่ามีโรงพยาบาลหลายแห่งมีหน้ากากอนามัยที่ไม่เพียงพอให้กับทางแพทย์และพยาบาลใช้งานซึ่งบางคนและบางที่ต้องนำของเก่ามาใช้อย่างที่นายแพทย์ท่านหนึ่งได้ออกมาบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์โดยตรงของตนเองว่ามีหน้ากากอนามัยใช้อยู่อันเดียวแต่ต้องเข้าห้องผ่าตัดแล้วเลือดของคนไข้ก็กระเด็นเปื้อนหน้ากากอนามัยหมด

แต่ถึงอย่างนั้นมาก็ยังไม่มีหน้ากากอนามัยอันใหม่ที่จะนำมาเปลี่ยนเพราะหน้ากากอนามัยของโรงพยาบาลได้หมดลงไปแล้วซึ่งคุณหมอท่านนั้นยังได้ถ่ายรูปโชว์ให้ชาวโซเชียลได้ดูด้วยจึงมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการขาดแคลนหน้ากากอนามัยกันเป็นอย่างมากและทำให้หลายฝ่ายต่างช่วยกันระดมทุนหา

ซื้อหน้ากากอนามัยเพื่อไปบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลอีกทั้งยังเรียกร้องให้รัฐบาลรีบหาทางแก้ไขปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนโดยเร็ว แต่หลังจากโพสต์ของคุณหมอดังกล่าวเผยแพร่ได้ไม่นานคุณหมอก็ได้ออกมาบอกว่าทางกระทรวงสาธารณะสุขได้ออกมาบอกให้คุณหมอลบโพสต์ดังกล่าวออกเสียเพราะกระทรวงสาธารณสุขไม่พอใจที่คุณหมอออกมาโพสต์ข้อความดังกล่าวซึ่งเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับโรงพยาบาล

อย่างไรก็ดีในเวลาต่อมาก็มีคุณหมอจากโรงพยาบาลมหาลัยขอนแก่นได้ออกมาโพสต์ข้อความขอรับบริจาคผ้าอ้อมที่เป็นผ้าสารูที่คนไม่ใช้แล้วให้นำมาบริจาคให้กับโรงพยาบาลเพื่อที่ทางเจ้าหน้าที่จะได้นำพาดังกล่าวไปเย็บทำเป็นหน้ากากอนามัยใช้ชั่วคราวระหว่างที่รอหน้ากากอนามัยจากทางรัฐบาลส่งมาให้โดยได้กล่าวว่าตอนนี้แม้แต่ภาษาลูกก็ขาดแคลน และจากปัญหาดังกล่าวได้กลายเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โตเพราะตอนนี้คุณหมอจากโรงพยาบาลขอนแก่นได้ออกมานัดรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรหน้ากากอนามัยมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน

โดยนำข้อมูลไปเปรียบเทียบที่ทางรัฐบาลกำลังจะทำเรื่องแจกเงินให้กับประชาชนใช้จ่ายฟรีในช่วงเดือนเมษายนนี โดยคุณหมอหลายท่านมองว่าก่อนที่รัฐบาลจะนำเงินของภาษีไปแจกจ่ายให้กับประชาชนใช้ฟรีนั้นรัฐบาลควรเห็นความสำคัญของหมอและพยาบาลที่ต้องดูแลคนไข้แต่ไม่มีหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรคได้จึงเสี่ยงที่จะให้หมอและพยาบาลติดเชื้อโรคจากคนไข้ได้ง่าย

ซึ่งเป็นอันตรายต่อหมอและพยาบาลเป็นอย่างมากดังนั้นหมอและพยาบาลจึงได้นัดรวมตัวกันมาประท้วงในวันพรุ่งนี้เพื่อให้รัฐบาลรีบแก้ไขปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยอย่างเร่งด่วนและเพื่อเป็นการแสดงจุด ยืนกับการไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลแก้ไขปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยแบบนี้   

 

สนับสนุนโดย  next88

คนแต่ในรัฐบาลไทยไม่มีนโยบายกักตัว

พี่น้องกำลังจะกลับไทย 5000 คนแต่ในรัฐบาลไทยไม่มีนโยบายกักตัว

        ตอนนี้กำลังมีข่าวหรือว่าแรงงานไทยที่แอบรักรอบไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้มีความต้องการที่จะเดินทางกลับมาประเทศไทยเป็นจำนวนคนมากถึง 5000 คนนั้นในรายงานเบื้องต้นมีการระบุว่ารองนายกรัฐมนตรีนายวิษณุ.

เครืองามได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่ายังไม่อยากที่จะให้แรงงานไทยที่ไปอยู่ประเทศเกาหลีได้เดินทางกลับมาประเทศไทยตอนนี้เพราะด้วยสภาวะปัญหาที่กำลังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าอยู่ในตอนนี้กำลังเป็นปัญหาใหญ่หากทางแรงงานไทยทั้ง 5000 คนเดินทางกลับมาจะทำให้ลำบากในการควบคุมเชื้อโรค

ซึ่งเมื่อนักข่าวได้มีการไปสอบถามนายประวิตร ทำให้ตอนนี้ได้รับคำตอบว่าตอนนี้ทางรัฐบาลยังไม่ได้ออกกฏหมายควบคุมเกี่ยวกับเรื่องของการกักตัวนักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะเดินทางกลับมาในประเทศไทยดังนั้นในกรณีที่แรงงานไทยที่ไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้

จะเดินทางกลับมาที่ไทยก็ยังไม่มีนโยบายในการกักตัวเช่นเดียวกันซึ่งถ้าหากแรงงานเก่าที่เป็นคนไทยไปทำงานที่เกาหลีใต้และต้องการเดินทางกลับมาประเทศไทยจริงๆ ก็คงต้องปล่อยตัวให้เค้ากลับบ้านแล้วให้เค้าทำกันกับตัวเอง

เพราะประเทศไทยยังไม่ได้มีการทำพื้นที่เอาไว้สำหรับกักตัวผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงของการที่จะติดโรคไวรัสโคโรน่าด้วยตอนนี้พลเอกประวิตรกล่าวว่าประเทศไทยกำลังประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศโดยกล่าวว่าจะทำการช่วยเหลือแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีไม่สามารถเดินทางกลับมาที่ไทยได้

แต่เมื่อมาถึงประเทศไทยแล้วกลุ่มคนงานต่างๆจะต้องรักษาตัวเองอยู่ที่บ้านตามมาตรการกับตัวของตัวเอง 14 วันแต่รัฐบาลจะไม่ขำกันคุมตัวแรงงานไทยที่กลับมาจากเกาหลีถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะเดินทางมาจากเมืองที่กำลังติดเชื้อกันอย่างหนักก็ตาม สาเหตุนั้นก็เพราะว่ารัฐบาลยังไม่ได้ตังค์มาตรการกักตัวคนที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงแล้วเดินทางกลับมาประเทศไทย

ซึ่ง วิธีการป้องกันเบื้องต้นทำได้เพียงแค่อธิบายสถานการณ์ให้กลุ่มแรงงานไทยที่กลับมาจากเกาหลีเข้าใจว่าตอนนี้ประเทศไทยมีการควบคุมสถานการณ์เชื้อไวรัสเป็นอย่างไรและแรงงานไทยที่กลับมาจากเกาหลีควรจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร

เท่านั้นเรายังไม่มีการจะให้ลงทะเบียนดังนั้นทุกคนต้องดูแลตัวเองหากป่วยก็ต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลไปหาก็ยังไม่มีอาการก็ต้องตัดตัวเองไว้ที่บ้านเป็นระยะเวลา 14 วันตามนโยบายที่ประเทศไทยกำลังทำกันอยู่ณตอนนี้เท่านั้น

 สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ตอนนี้เป็นการแก้ไขปัญหาการแพร่เชื้อระบาดได้แย่มากไม่มีมาตรการอะไรในการป้องกันได้เลย

แถมยังจะรับคนที่อยู่ในกลุ่มเสียงเดินทางกลับมาประเทศไทยโดยที่ไม่ยอมหามาตรการในการป้องกันเอาไว้ก่อนซึ่งทำให้คนที่อยู่ในประเทศไทยเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเป็นอย่างมาก

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เว็บพนันออนไลน์2020

พลังของชาวโซเชียลช่วยกันหาเบาะแส

พลังของชาวโซเชียลช่วยกันหาเบาะแสจนสามารถตามจับสองสาวมิจฉาชีพได้

   ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันแล้วว่าสามารถตามจับกุมสองสาวที่ได้เข้ามาแอบขโมยกระเป๋าสตางค์ภายในร้านอาหารขณะที่เจ้าทุกข์กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อนเพื่อนกลางร้านอาหารชื่อดังโดยเจ้าของกระเป๋าในบอกว่าดีใจที่ได้กระเป๋าคืนถึงแม้ว่าเงินในกระเป๋าจะหายไปหมดก็ตาม

  จากกรณีที่มีหญิงสาวคนหนึ่งได้มีการนำคลิปวิดีโอออกมาเผยแพร่ใน Facebook ส่วนตัวโดยได้มีการขอร้องให้เพื่อนเพื่อนในโลกโซเชียลช่วยกันหาข้อมูลและเบาะแสของหญิงสาวทั้งสองคนที่อยู่ในคลิปวิดีโอดังกล่าว

เนื่องจากว่ากระเป๋าของเธอถูกขโมยไปในขณะที่เธอกำลังไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าชื่อดังซึ่งในคลิปจะเห็นว่ามีผู้หญิงสองคนได้เดินเข้ามาใกล้กระเป๋าของเธอแล้วได้ฉกกระเป๋าของเธอไปโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว

ซึ่งหลังจากนั้นผู้หญิงทั้งสองคนก็ได้พากันหลบหนีซึ่งจากกล้องวงจรปิดที่หามาได้พบว่าหลังจากที่หญิงสาวทั้งสองคนขโมยกระเป๋าเธอเรียบร้อยแล้วก็พากันขึ้นรถแท็กซี่หนีไปและหลังจากที่คลิปวิดีโอนี้ได้มีการเผยแพร่ออกไปผู้คนในโลกโซเชียลต่างก็ ช่วยกันแชร์คลิปวิดีโอนี้ออกไปเพื่อตามหาคนร้ายทั้งสองคน

ซึ่งในเวลาไม่นานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมตัวคนร้ายมาได้ซึ่งเป็นผลมาจากประชาชนในโลกโซเชียลต่างก็ช่วยพากันหาเบาะแสของหญิงคนร้ายทั้งสองคนแล้วพากันแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเป็นสาเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษได้

ซึ่งหญิงสาวได้มีการโพสต์ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ , สื่อและคนบนโลกโซเชียล

ที่ช่วยกันหาเบาะแสจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ซึ่งเธอได้กล่าวว่าเธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เธอได้กระเป๋าของเธอกับคืนมาซึ่งในกระเป๋ามีของสำคัญและยังมีเงินสดอยู่ภายในกระเป๋าด้วยแต่จากที่ได้รับกระเป๋ามาแล้วมีของบางอย่างในกระเป๋าหายไปรวมถึงเงินสดของเธอด้วยแต่ยังไงเธอก็ยังดีใจอยู่ดี

โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เธอได้เข้าไปแจ้งความที่สน. ไว้ขวางและเมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับเบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายก็พบว่าคนร้ายอยู่ในเขตพื้นที่ของสน. พญาไทจึงทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งของสองสน.

ต่างก็ร่วมมือกันในการเข้าจับกุมคนร้ายในครั้งนี้เพราะสืบทราบมาว่าคนร้ายมีบ้านพักอยู่แถวราชเทวีโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนางสาวสุภาพรกัญญารัตน์ และคนร้ายอีกคนคือนางสาวมาลีเฉิดฉายซึ่งทั้งสองคนรับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำความผิดจริงซึ่งการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ถือว่าสามารถจับกุมคนร้ายได้รวดเร็วเป็นอย่างมากเพราะเพียงแค่หนึ่งวันก็สามารถตามจับตัวคนร้ายได้แล้ว